อันตรายจากปรสิตในเเหล่งน้ำ

Last updated: 11 ก.ค. 2567  |  23 จำนวนผู้เข้าชม  | 

อันตรายจากปรสิตในเเหล่งน้ำ

โรคที่ติดต่อผ่านทางน้ำดื่มน้ำใช้เกิดจากการปนเปื้อนของเชื้อโรค เเบคทีเรียน ไวรัส เเละเชื้อปรสิต เชื้อปรสิตระยะติดต่อจะมีความทนทานได้ดีต่อสิ่งเเวดล้อมที่ไม่เหมาะสม คลอรีนที่มีความเข้มข้นสูงมากในการทำน้ำประปานั้นสามารถฆ่าเชื้อเเบคทีเรียเเละไวรัสได้ เเต่เชื้อปรสิตเหล่านี้ตายที่อุณหภูมิที่สูงกว่า 60 องศาเซลเซียส

โปรโตซัวที่ติดต่อผ่านทางน้ำที่พบได้บ่อย ได้เเก่

1. Entamoeba histolytica หรือเชื้อบิดชนิดมีตัว

      เชื้อบิดชนิดมีตัวนี้อาศัยในลำไส้ใหญ่ (เชื้อบิดชนิดไม่มีตัวเป็นเชื้อแบคทีเรีย) ทำให้เกิด “โรคบิดอะมีบาในลำไส้” หรือ “โรคบิดมีตัว” ในระยะเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้อง ปวดเบ่ง ถ่ายอุจจาระเหลวมีมูกปนเลือดและกลิ่นเหม็นเน่า บางครั้งเชื้อบิดอาจทำให้เกิดโรคบิดอะมีบานอกลำไส้ที่อวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ ปอด สมอง เป็นต้น เชื้อบิดอาจทำลายผนังลำไส้ทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้องได้ด้วย

การติดต่อ โดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีซีสต์ระยะติดต่อปนเปื้อน ซึ่งเชื้อระยะซีสต์ นี้ไม่ถูกทำลายด้วยกระบวนการทำน้ำประปา

การป้องกัน การรับประทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด  ดื่มน้ำที่กรองแล้วหรือต้มให้เดือดจะช่วย ป้องกันการติดเชื้อได้

2. Giardia lamblia

      ปรสิตชนิดนี้อาศัยที่ลําไส้เล็ก ก่อให้เกิดโรคอุจจาระร่วง ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ ปวดท้อง ท้องอืด แน่นท้อง เบื่ออาหาร คลื่นไส้  อาเจียน และในระยะเรื้อรังผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสียเรื้อรัง  ถ่ายเหลวเป็นน้ำ มีไขมันปนมูก

การติดต่อ โดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีซีสต์ระยะติดต่อปนเปื้อน เชื้อระยะซีสต์ไม่ถูกทำลายด้วยกระบวนการการทำน้ำประปา

การป้องกัน การรับประทาน อาหารที่ปรุงสุกและสะอาด ดื่มน้ำที่กรองแล้วหรือต้มให้เดือดจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้

3.Cryptosporidium parvum

     ปรสิตชนิดนี้เป็นโปรโตซัวอาศัยที่ลำไส้ เชื้อระยะ oocyst มีรูปร่างกลม ผนังหนา ภายในประกอบด้วยเซลล์รูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยว จำนวน 4 เซลล์

การติดต่อ เชื้อเข้าสู่ร่างกายโดยการดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่มีเชื้อระยะ oocyst ปนเปื้อน ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วง ถ่ายเป็นน้ำ การติดเชื้อในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติอาการท้องเสียอาจหายได้เอง ส่วนการติดเชื้อในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจะทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงเรื้อรังร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดอย่างมาก

การป้องกัน ควรดื่มน้ำที่ต้มเดือดหรือผ่านการกรองแล้ว และรับประทานอาหารที่สุกและสะอาด

4.Naegleria fowleri

     ปรสิตชนิดนี้เป็นโปรโตซัวที่ดำรงชีวิตเป็นอิสระอาศัยตามดิน โคลนเลน และแหล่งน้ำ ยกเว้นน้ำกร่อยและน้ำทะเล ปรสิตเข้าสู่ร่างกายโดยการสำลักน้ำเข้าทางจมูก ก่อให้เกิดโรคสมองและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ที่เป็นโรคนี้มักมีสุขภาพแข็งแรง และมักมีกิจกรรมเกี่ยวข้องกับน้ำ เช่น การว่ายน้ำ เล่นกีฬาทางน้ำ เป็นต้น ผู้ป่วยมีประวัติการสำลักน้ำทางจมูกก่อนเกิดอาการ 3-7 วัน คัดจมูก เจ็บคอ การได้กลิ่นเสียไป ปวดศีรษะอย่างรุนแรง มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน คอแข็ง หลังแข็ง สับสน ชัก ไม่รู้สึกตัว และมักเสียชีวิตภายใน 1 สัปดาห์

การติดต่อ ปรสิตเข้าสู่ร่างกายโดยการสำลักน้ำทางจมูก

การป้องกัน โดยหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำหรือเล่นน้ำในแหล่งน้ำขัง หรือน้ำจากโรงงานอุตสาหกรรมและระวังการสำลักน้ำ

5. Acanthamoeba spp

     ปรสิตชนิดนี้เป็นโปรโตซัวที่ดำรงชีวิตเป็นอิสระในธรรมชาติตามแหล่งน้ำ ดิน โคลนเลน เชื้อเคลื่อนที่ช้าๆ ด้วยเท้าเทียมที่มีลักษณะคล้ายหนาม ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นระยะซีสต์ที่มีรูปร่างค่อนข้างกลมและผนังหนา การติดเชื้อที่ตามักจะพบในผู้ที่ใช้คอนแทกเลนส์ทําให้เกิดแผลที่กระจกตา ตาแดง เคืองตา ตามัว กลัวแสง และปวดตาอย่างมาก การติดเชื้อที่สมอง ทําให้เกิดโรคสมองและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ มักพบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายอาการของเนื้องอกในสมอง เช่น อาการแขนหรือขาอ่อนแรง เป็นต้น

การติดต่อ ปรสิตเข้าสู่ร่างกายทางแผลที่กระจกตาหรือที่ผิวหนัง และการหายใจ เชื้อที่เข้าสู่กระแสเลือดจะทำให้เกิดการติดเชื้อที่อวัยวะอื่นๆ เช่น สมอง กระดูก

การป้องกัน ผู้ใช้คอนแทกเลนส์ควรทำความสะอาดเลนส์ด้วยน้ำยาที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคแล้ว และไม่ควรใส่คอนแทกเลนส์ในขณะว่ายน้ำหรือใส่ขณะนอนหลับ


เเหล่งข้อมูล:โอ้โห ! นี่หรือคือปรสิตที่พบในแหล่งน้ำ โดย รศ.พญ.ดาราวรรณ วนะชิวนาวิน
ภาควิชาปรสิตวิทยา

     

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้